tag:blogger.com,1999:blog-45794928361883132352024-02-06T20:59:12.021-08:00แนวโน้มและทิศทางการบริหารสำนักงานอัตโนมัติในอนาคตกลุ่มที่ 4http://www.blogger.com/profile/03321987565417494323noreply@blogger.comBlogger9125tag:blogger.com,1999:blog-4579492836188313235.post-34915455059910079092008-09-12T03:17:00.001-07:002008-09-12T03:19:28.722-07:00ตัวอย่างบริษัทที่เปลี่ยนแปลงเป็นสำนักงานแบบใหม่ซัน ไมโครซิสเต็มส์ เป็นบริษัทไอทีข้ามชาติอีกรายที่มองเห็นความจำเป็นของการปรับตัว ให้เท่าทันกับรูปแบบการจัดการองค์กรที่เปลี่ยนแปลงไป ตามสภาพแวดล้อม ทางธุรกิจ<br />"เมื่อไม่มีพนักงานเข้ามาทำงานทุกคน หากเรามีที่นั่งให้พวกเขาทุกคน ในทาง การบริหารองค์กรแล้วก็ต้องถือว่าเป็นความสูญเสีย" สรรพัชญ โสภณ ผู้อำนวยการประจำประเทศไทย บริษัทซัน ไมโครซิสเต็มส์ (ประเทศไทย) กล่าว<br />ซัน จึงได้ใช้โอกาสย้ายสำนักงานไปอยู่ที่ใหม่กับการปฏิรูประบบการจัดการ สำนักงาน เพื่อเตรียมไว้สำหรับการขยายตัวในอีก 3 ปีข้างหน้า <a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhlQWhsKZaF5mfLtsGbhZdcIftQ5T8G3246v1zSdjnRFPStGmp96ebS4HS9dhRVeSihaqG5AVbm0BSHLrSZAk8WJnh2bMe77bCKXcn0WBKImgOwr2p3-AICIVR9XzV1fR2h5pO9uB7tYNw/s1600-h/550000014989601.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5245077105162823714" style="FLOAT: right; MARGIN: 0px 0px 10px 10px; WIDTH: 252px; CURSOR: hand; HEIGHT: 178px" height="189" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhlQWhsKZaF5mfLtsGbhZdcIftQ5T8G3246v1zSdjnRFPStGmp96ebS4HS9dhRVeSihaqG5AVbm0BSHLrSZAk8WJnh2bMe77bCKXcn0WBKImgOwr2p3-AICIVR9XzV1fR2h5pO9uB7tYNw/s320/550000014989601.jpg" width="253" border="0" /></a><br />ในแง่มุมของซัน เงื่อนไขของการเปลี่ยนแปลงระบบจัดการสำนักงานแบบใหม่ อยู่ที่ตัวของเทคโนโลยีเป็นสำคัญ ซึ่งก็เป็นที่มาของการใช้คำว่า smart office<br />รูปแบบการทำงานของ smart office เป็นลักษณะการทำงานบนระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ จะประกอบไปด้วยเครื่อง server หรือแม่ข่ายที่เก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูล โดยมีอุปกรณ์ปลายทางที่เป็นลูกข่ายขนาดเล็ก (Thin Client) ที่ซันพัฒนาขึ้นมา และให้ชื่อว่า ซันเรย์ ทำงานร่วมกับเครื่องแม่ข่าย<br />อุปกรณ์ซันเรย์ จะทำหน้าที่เป็นตัวแสดงผล ที่จะมีหน้าจอที่มีหน่วยความจำเล็กน้อย ไม่มีตัวประมวลผล หรือต้องติดตั้งโปรแกรมซอฟต์แวร์ เหมือนอย่างเครื่องพีซีทั่วไป เพราะการเก็บข้อมูลและการประมวลผลข้อมูลทั้งหมดจะไปอยู่ที่เครื่องแม่ข่าย<br />สำหรับขนาดและจำนวนของ server หรือแม่ข่าย จะขึ้นอยู่กับขนาดของข้อมูล และเพื่อเตรียมไว้สำหรับงานในด้านต่างๆ เช่น อีเมล ระบบฐานข้อมูลลูกค้า แต่ถ้าเป็น องค์กรธุรกิจอื่นๆ ที่มีขนาดเล็กไม่จำเป็น ต้องมี serverกลุ่มที่ 4http://www.blogger.com/profile/03321987565417494323noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4579492836188313235.post-46979981086760700362008-09-12T03:13:00.000-07:002008-09-12T03:16:49.689-07:00สรุปการเปลี่ยนแปลงสังคมความเป็นอยู่ของมนุษย์เป็นไปอย่างรวดเร็ว กล่าวกันว่าได้เกิดการเปลี่ยนแปลงในลักษณะที่เรียกว่า การปฏิวัติมาแล้วสองครั้ง ครั้งแรกเกิดจากการที่มนุษย์รู้จักใช้ระบบชลประทานเพื่อการเพาะปลูก สังคมความเป็นอยู่ของมนุษย์จึงเปลี่ยนจากการเร่ร่อนมาเป็นการตั้งหลักแหล่งเพื่อทำการเกษตร ต่อมาเมื่อประมาณร้อยกว่าปีที่แล้ว ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 หลังจากที่เจมส์วัตต์ประดิษฐ์เครื่องจักรไอน้ำ มนุษย์รู้จักนำเอาเครื่องจักรมาช่วยในอุตสาหกรรมการผลิตและช่วยในการสร้างยานพาหนะเพื่องานคมนาคม<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiSAUHB_p-n-0dzO5ED4sGZBuN2M85NhZ-SnSJhTUSxw64Z8I73-p4FaAsgOTrw2jP67TpUnCOw1kFB1ITL5IwoYT5J3Vds2gTtoA_EmBvgMkywmzHtW-hygPrnJ4gjjLKmsCng3X1yyOQ/s1600-h/51595.gif"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5245076201370957698" style="FLOAT: right; MARGIN: 0px 0px 10px 10px; WIDTH: 207px; CURSOR: hand; HEIGHT: 157px" height="172" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiSAUHB_p-n-0dzO5ED4sGZBuN2M85NhZ-SnSJhTUSxw64Z8I73-p4FaAsgOTrw2jP67TpUnCOw1kFB1ITL5IwoYT5J3Vds2gTtoA_EmBvgMkywmzHtW-hygPrnJ4gjjLKmsCng3X1yyOQ/s320/51595.gif" width="233" border="0" /></a>ขนส่ง ผลที่ตามมาทำให้เกิดการปฏิวัติทางอุตสาหกรรม สังคมความเป็นอยู่ของมนุษย์จึงเปลี่ยนจากสังคมเกษตรมาเป็นสังคมเมือง และเกิดรวมกันเป็นเมืองอุตสาหกรรมต่างๆ ในช่วง พ.ศ. 2523 เป็นต้นมา ความเจริญก้าวหน้าทางด้านคอมพิวเตอร์และระบบสื่อสารข้อมูลเป็นไปอย่างรวดเร็ว การใช้คอมพิวเตอร์เพื่อประมวลผลข้อมูลเป็นไปอย่างกว้างขวาง มีการส่งถ่ายข้อมูลระหว่างกันเป็นจำนวนมาก เกิดการประยุกต์งานด้านต่าง ๆ เช่น ระบบการโอนถ่ายเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ บัตรเอทีเอ็ม บัตรเครดิต การจองตั๋ว การซื้อสินค้า การติดต่อส่งข้อมูล เช่น โทรสาร(facsimile)ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์(electronicmail) ชีวิตความเป็นอยู่ในปัจจุบันเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเทคโนโลยีทางคอมพิวเตอร์ที่มีบทบาทเพิ่มขึ้น ใน พ.ศ. 2528 กระทรวงศึกษาธิการได้กำหนดในหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลาย ให้วิชาคอมพิวเตอร์เป็นวิชาเลือกของหมวดวิชาคณิตศาสตร์ ประกอบด้วย 2 รายวิชา คือ ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ และการเขียนโปรแกรมภาษาเบสิก ต่อมา พ.ศ. 2532 และ พ.ศ. 2541 ก็เปลี่ยนแปลงและเพิ่มเติมหลักสูตรทางด้านคอมพิวเตอร์อีกหลายวิชา และจัดกลุ่มอยู่ในวิชาอาชีพสาขาคอมพิวเตอร์ ปัจจุบันมีโรงเรียนมัธยมศึกษาหลายแห่งทั่วประเทศเปิดการเรียนการสอนทางด้านคอมพิวเตอร์ขึ้น มีความจำเป็นเพียงไรที่จะต้องให้เยาวชนไทยเรียนรู้คอมพิวเตอร์ เมื่อมีวิชาพื้นฐานอื่น ๆ มากมายที่ต้องจะเรียน เหตุผลสำคัญสำหรับตอบคำถามนี้ คือปัจจุบันความเป็นอยู่ของมนุษย์ในสังคมมีความเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีข้อมูลมากขึ้น ตั้งแต่เช้าตรู่ นักเรียนอาจถูกปลุกด้วยเสียงนาฬิกาอิเล็กทรอนิกส์แบบดิจิทัล และเริ่มวันใหม่ด้วยการฟังวิทยุที่ส่งกระจายเสียงทั่วประเทศพร้อมกัน รับประทานอาหารเช้าที่ปรุงจากเครื่องครัวที่ควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ เสร็จแล้วรีบมาโรงเรียน ก้าวเข้าลิฟต์ที่ควบคุมการทำงานด้วยคอมพิวเตอร์ ติดต่อกับเพื่อนด้วยโทรศัพท์มือถือ คิดเลขด้วยเครื่องคิดเลขทันสมัย เรียนพิมพ์เอกสารด้วยโปรแกรมประมวลคำตกเย็นกลับบ้านดูทีวีแล้วเข้านอน กิจวัตรในชีวิตประจำวันของมนุษย์เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีมากขึ้น จนดูเหมือนว่าเทคโนโลยีเป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างหนึ่งของมนุษย์ ซึ่งทำให้มนุษย์ได้รับความสะดวกสบายและประสบความสำเร็จในงานด้านต่าง ๆ เช่น เทคโนโลยีทางด้านอวกาศ ทางด้านการผลิต ทางด้านอุตสาหกรรมและทางด้านพาณิชยกรรม การ<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhEuNpxElKzaIYnfbAju9iKLnbRJRsYVOWU-D4-aYpv5w-nphqfsM4D1unTl_9nIq8umfKlS0Cr_mFrkDm5fZz5vgH8kvJfryW0iPL_vflAyW5al0Hqijla3zuAIwbxTmMcoA81LnpxoYM/s1600-h/r2d2.gif"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5245076485703709506" style="FLOAT: left; MARGIN: 0px 10px 10px 0px; CURSOR: hand" height="180" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhEuNpxElKzaIYnfbAju9iKLnbRJRsYVOWU-D4-aYpv5w-nphqfsM4D1unTl_9nIq8umfKlS0Cr_mFrkDm5fZz5vgH8kvJfryW0iPL_vflAyW5al0Hqijla3zuAIwbxTmMcoA81LnpxoYM/s320/r2d2.gif" width="127" border="0" /></a>ปฏิวัติอุตสาหกรรมยุคแรก เริ่มจากการใช้เครื่องจักรกลแทนการทำงานด้วยมือ พลังงานที่ขับเคลื่อนเครื่องจักรก็มาจากพลังงานน้ำ พลังงานไอน้ำ และเปลี่ยนมาเป็นพลังงานจากน้ำมันขับเคลื่อนเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าแทน ต่อมาการปฏิวัติอุตสาหกรรมได้เกิดขึ้นอีก โดยเปลี่ยนแปลงระบบการทำงานทีละขั้นตอนมาเป็นการทำงานระบบอัตโนมัติ ซึ่งส่วนใหญ่ใช้กลไกการควบคุมอัตโนมัติทำงาน เช่น การดำเนินงานผลิต การตรวจสอบ การควบคุม ฯลฯ การทำงานเหล่านี้อาศัยระบบการควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ อุตสาหกรรมทางด้านคอมพิวเตอร์เจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว และมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ในระยะปีหรือสองปีข้างหน้า ยากที่จะคาดเดาว่า จะมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์อะไรใหม่ขึ้นมาอีกบ้าง ทั้งนี้เพราะขีดความ สามารถของคอมพิวเตอร์ในปัจจุบันสูงมาก โดยเฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับไมโครคอมพิวเตอร์(microcomputer) มีผู้กล่าวว่าการปฏิวัติครั้งที่สามกำลังจะเกิดขึ้น โดยสิ่งที่เกิดใหม่นี้ ได้แก่การพัฒนาการทางด้านความคิด การตัดสินใจ โดยอาศัยหลักการของคอมพิวเตอร์ ในอนาคตอันใกล้ผู้จัดการเพียงคนเดียวอาจทำงานทั้งหมดโดยอาศัยระบบคอมพิวเตอร์ควบคุมทำการควบคุมหุ่นยนต์คอมพิวเตอร์และให้หุ่นยนต์ควบคุมการทำงานของเครื่องจักรอีกต่อหนึ่ง ในระดับประเทศ ประเทศไทยสั่งเข้าสินค้าเทคโนโลยีระดับสูงปริมาณมาก จึงต้องซื้อเทคนิควิธีการ ตลอดจนเครื่องมือเครื่องจักรเข้ามามากตามไปด้วย ขณะเดียวกันเรายังขาดบุคลากรที่จะใช้เครื่องจักรเครื่องมือเหล่านั้นให้มีประสิทธิภาพ การสูญเสียเงินตราเนื่องจากสาเหตุนี้จึงเกิดขึ้นมิใช่น้อย หลายโรงงานยังไม่กล้าใช้เครื่องจักรที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ เพราะหาบุคลากรในการดำเนินการได้ยาก แต่ในระยะหลังค่าจ้างแรงงานสูงขึ้นและการแข่งขันทางธุรกิจมีมากขึ้น จึงตกอยู่ในสภาวะจำยอมที่จะเอาเครื่องมือเหล่านั้นเข้ามา เนื่องจากเครื่องมือดังกล่าวให้ผลผลิตที่ดีกว่าของเดิมและมีราคาต้นทุนต่ำลงอีกด้วย ในหลักการเป็นที่ยอมรับว่า ความเจริญก้าวหน้าทางอุตสาหกรรมเกือบทุกแขนงมีคอมพิวเตอร์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเสมอ ระบบการผลิตส่วนใหญ่ต้องใช้คอมพิวเตอร์ และอิเล็กทรอนิกส์แทรกเข้ามาเกือบทุกกระบวนการ ตั้งแต่การควบคุม การขนส่งวัตถุดิบ กระบวนการผลิต การควบคุมคุณภาพ การวัดและการบรรจุหีบห่อ ตลอดถึงการใช้เครื่องทุ่นแรงบางอย่าง เครื่องมือที่ใช้วัดเกือบทุกประเภทมักมีไมโครโพรเซสเซอร์ (microprocessor) ซึ่งเป็นอุปกรณ์ส่วนหนึ่งของคอมพิวเตอร์เกี่ยวข้องด้วยเสมอ เช่น การวัดอุณหภูมิ วัดความดัน วัดความเร็วการไหลวัดระดับของเหลววัดปริมาณค่าที่จำเป็นสำหรับการควบคุมคุณภาพ ในยุควิกฤตการณ์พลังงาน หลายประเทศพยายามลดการใช้พลังงาน โรงงานพยายามหาทางควบคุมพลังงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อจะลดค่าใช้จ่ายลง จึงนำเอาคอมพิวเตอร์มาช่วยควบคุม เช่น ควบคุมการเดินเครื่องให้เหมาะสม ควบคุมปริมาณการใช้พลังงาน ควบคุมการจัดภาระงานให้เหมาะสม รวมถึงการควบคุมสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ด้วย <a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgcgBcG35Evk0YCGl0yXhKpTxQXiUbR226Wv6ru3J0ZfhFVv3tBMsxCmHsZLO1KAhY2OJgv6mXQAmLJZKJIuuLrriChmADWX_nJwxVvu1L19CbIWf_wKJe0DR1L0beUxhZyZzkvQc8wSXU/s1600-h/hpthin2.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5245076681002225778" style="FLOAT: right; MARGIN: 0px 0px 10px 10px; WIDTH: 196px; CURSOR: hand; HEIGHT: 133px" height="119" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgcgBcG35Evk0YCGl0yXhKpTxQXiUbR226Wv6ru3J0ZfhFVv3tBMsxCmHsZLO1KAhY2OJgv6mXQAmLJZKJIuuLrriChmADWX_nJwxVvu1L19CbIWf_wKJe0DR1L0beUxhZyZzkvQc8wSXU/s320/hpthin2.jpg" width="192" border="0" /></a><br />การจัดสำนักงานอัตโนมัติ (Office Automation) หรือที่เรียกว่า OA นั้นเป็นกระบวนการนำเอาเทคโนโลยีชั้นสูงมาช่วยคนในสำนักงานให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น รวมทั้งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของงานในสำนักงานให้สูงขึ้น การจัดสำนักงานอัตโนมัติมีขอบเขตกว้างและมีการเปลี่ยนแปลงเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามแนวทางในรายงานฉบับนี้ เป็นเพียงการรวบรวมข้อมูล แนวคิด ความรู้เกี่ยวกับการจัดสำนักงานอัตโนมัติเบื้องต้น ที่ริเริ่มในการนำคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆมาใช้ในสำนักงาน ส่วนจะถูกพัฒนาดัดแปลงไปอยู่ในรูปเช่นไรนั้น ขึ้นอยู่กับขนาดขององค์กร ความเหมาะสม ผู้บริหาร พนักงาน ซึ่งอาจมีความคิดแตกต่างกัน รวมทั้งสภาพเศรษฐกิจสภาพการตลาด และที่สำคัญในยุคแห่งเทคโนโลยีสารสนเทศนี้ มีแนวโน้มว่า OA จะถูกพัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆและจะเข้ามาเป็นหัวใจสำคัญในการบริหารงานองค์กรต่างๆ เกือบทุกองค์กรในอนาคตกลุ่มที่ 4http://www.blogger.com/profile/03321987565417494323noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4579492836188313235.post-54539009335022711072008-09-09T02:57:00.001-07:002008-09-09T02:58:36.810-07:00การบริหารทรัพยากรมนุษย์คุณลักษณะของสำนักงานในอนาคต อาจมีบางสิ่งที่กำลังสูญหายไป นั่นคือ สัญญาสังคมของอนาคต ที่มีไว้กระตุ้นจูงใจพนักงานในการทำงาน สิ่งที่ควรพิจารณาในประเด็นนี้ได้แก่<br />1. เป็นการลงทุนครั้งใหม่ ในทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งต้องมีคุณค่าใหม่<br />2. ใช้เครื่องมือการจูงใจใหม่ เช่น ภารกิจ การเรียนรู้ ชื่อเสียง การแข่งขัน คุณค่าของความคิด เป็นต้น<br />3. มีการพัฒนาและธรรมรงค์รักษาไว้อย่างดีที่สุด ด้วยกระบวนการบริหารทรัพยากรมนุษย์ ที่ปรับปรุงแล้วสอดคล้องต่อเนื่อง และมีประสิทธิผล<br />4. สร้างความสำเร็จที่มนุษย์มุ่งหวังให้เกิดขึ้น (Self – Esteem) โดยใช้หลักของ 7R’s คือ <a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhQ5HxPU3HYXtHt3DJfJqqQ4VmQYB32nozR-kceONZ1nvcb8xy8mras4_dXxZ5gv7Z2bX-r-DrsijjN9UCo3H-jPNvh-z_BjqvO-o_GS_MRdoZyU2V3Za54wYLcUis8u0csRU_NrGhoCFc/s1600-h/36_375396.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5243958750343270130" style="FLOAT: right; MARGIN: 0px 0px 10px 10px; WIDTH: 130px; CURSOR: hand; HEIGHT: 180px" height="180" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhQ5HxPU3HYXtHt3DJfJqqQ4VmQYB32nozR-kceONZ1nvcb8xy8mras4_dXxZ5gv7Z2bX-r-DrsijjN9UCo3H-jPNvh-z_BjqvO-o_GS_MRdoZyU2V3Za54wYLcUis8u0csRU_NrGhoCFc/s320/36_375396.jpg" width="153" border="0" /></a><br />4.1 ความนับถือ (Respect)<br />4.2 ความรับผิดชอบ (Responsibility)<br />4.3 ความยอมรับในความเสี่ยง (Risk – Taking)<br />4.4 รางวัลและการรับรู้ (Rewards and Recognition)<br />4.5 ความสัมพันธ์ (Relationship)<br />4.6 บทบาท (Role)<br />4.7 การปรับใหม่ (Renewal)<br />5. สร้างสถานการณ์ความเป็นผู้นำในสำนักงานมีหลายรูปแบบ เช่น วัฒนธรรมเทคโนโลยี ภาษา สังคม เป็นต้น<br />6. มีการเรียนเพื่อพัฒนาตนเอง ต้องเป็นผู้นำไม่ใช่ผู้ตาม เช่น ต้องเข้าใจตนเอง ฝึกความคิดเชิงบวก สร้างวุฒิภาวะและสร้างความเฉลียวฉลาด เป็นต้นกลุ่มที่ 4http://www.blogger.com/profile/03321987565417494323noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4579492836188313235.post-91836929283422919062008-09-09T02:56:00.000-07:002008-09-09T02:57:14.657-07:00สำนักงานในอนาคต<p>ไม่ว่าลักษณะขององค์การ หรือสำนักงานในอนาคตจะเป็นอย่างไรก็ตามผู้บริหารควรจะพิจารณาประเด็นสำคัญ ดังนี้<br /> <strong><span style="color:#00cccc;">1.) การเตรียมตัวเพื่อการเปลี่ยนแปลง</span></strong> ผู้บริหารจะต้องคำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น แล้วปรับตัวตามเงื่อนไข หรือสถานการณ์ ซึ่งอาจเป็นการปรับปรุงระบบเพื่อคุณภาพ เพื่อผลิตภาพ หรือการปรับปรุงขนาดใหญ่ แบบรีเอ็นเนียริ่ง สิ่งที่ควรให้ความสนใจคือ<br /> 1.1 มีการสั่งการและยอมรับจากผู้บริหารระดับสูง<br /> 1.2 มีการกำหนดขอบเขตการเปลี่ยนแปลง<br /> 1.3 กำหนดมาตรฐานในการวัดผล ( ก่อน ระหว่าง และหลังการเปลี่ยนแปลง )<br /> 1.4 เข้าใจว่าทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้มีการเปลี่ยนแปลงได้<br /> 1.5 กำจัดความกลัวและลดความสูญเสียให้น้อยที่สุด<br /> 1.6 เน้นในประเด็นที่มีคุณค่า มากกว่าผลการปฏิบัติงาน<br /><br /> <strong><span style="color:#000099;">2.) สร้างองค์การใหม่ </span></strong> โดยกำหนดเป้าหมายการสร้างครบวงจร บริการ กำไร ซึ่งจะก่อให้เกิดความพอใจต่อลูกค้าและพนักงานในสำนักงาน โดยมีปัจจัยที่สำคัญคือ<br /> 2.1 ปฏิบัติเหมือนเป็นบริษัทเล็ก ๆ เช่น ไม่เน้นด้านขนาด สร้างความสัมพันธ์ที่ดี<br /> กับลูกค้า ให้เกิดความไว้วางใจ โดยมีลักษณะความสัมพันธ์ ผูกพัน ในทิศทาง<br /> แนวดิ่ง มากกว่าแนวกว้าง เป็นต้น<br /> 2.2 สร้างและกระตุ้นนวัตกรรม จากความสำคัญและแนวทางที่กล่าวมาข้างต้น<br /> 2.3 ให้ผู้บริหารสำนักงานในอนาคตด้องพัฒนาเรื่องนี้ ในองค์การใหม่ให้มากที่สุด<br /> 2.4 สร้างวัฒนธรรมองค์การที่มีพลัง และเป็นประโยชน์ ต่อการพัฒนาสำนักงาน<br /> ในอนาคต เช่น มีการยึดเหนี่ยวด้วยคุณค่าขององค์การ และมีความจริงใจซึ่ง<br /> กันและกัน เป็นต้น<br /> 2.5 นำบทเรียนในอดีตมากระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ที่แตกต่าง รวมทั้ง<br /> สร้างภาวะผู้นำให้เกิดกับองค์การ</p><p><strong><span style="color:#993399;">3.) ออกแบบองค์การในทางปฏิบัติ</span></strong> ใช้การออกแบบและพัฒนาปรับปรุงมาช่วย สิ่งที่ต้องคำนึงถึงในการออกแบบ คือ สายการบังคับบัญชา กระบวนการตัดสินใจ ทีม และพนักงาน โครงสร้างและกลยุทธ์ทั้งนี้ควรพิจารณาถึงการแข่งขันใหม่ ๆ ในโลกแบบใหม่และปรับตัวในทางปฏิบัติโดย<br /> 3.1 ยอมรับจุดประสงค์ แบะเป้าหมายที่ต้องสูงขึ้นและเพิ่มขึ้น<br /> 3.2 ยังคงมีความรับผิดชอบ และความเป็นผู้นำสูงในองค์การใหม่<br /> 3.3 กระตุ้นให้เกิดการสร้างทีม แบบหลากหลาย เพื่อรับวัฒนธรรมและความ<br /> แตกต่างที่ไร้พรมแดน<br /> 3.4 หาผู้ร่วมประกอบการ (Partner Ship) สำนักงานยุดใหม่ไม่สามารถปฏิบัติงาน<br /> โดยลำพังต้องมีกลุ่มดำเนินการ และเพื่อนร่วมงานหลากหลายแห่ง เพราะ<br /> โลกในอนาคตจะเกิดการรวมตัวเพื่อเพิ่มเอกสารภาพในการแข่งขัน มากกว่า<br /> การแยกปฏิบัติงานอย่างโดดเดี่ยวเหมือนในอดีต<br /> 3.5 ส่งเสริมระบบเครือข่ายทางความรู้ ตลอดจนวิชาการทุกแขนง ให้กว้างไกล<br /> ทั่วโลก<br /> 3.6 มีหลักการสำคัญในการเป็นองค์การในอนาคตได้แก่ มีความยืดหยุ่น <br /> พนักงานให้การยอมรับร่วมกัน การบริหารเป็นทีม มีความหลากหลาย และ<br /> ที่สำคัญสร้างให้สำนักงานในอนาคต มีหัวใจหลักของความได้เปรียบเชิง<br /> แข่งขัน อย่างใดอย่างหนึ่ง<br /> 3.7 พร้อมรับมือและเตรียมตัวพบ หรือเข้าถึงการเปลี่ยนแปลงในทุกด้าน โดย<br /> เตรียมรับสถานการณ์ทางด้านนวัตกรรม และเทคโนโลยีไว้ล่วงหน้า</p>กลุ่มที่ 4http://www.blogger.com/profile/03321987565417494323noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4579492836188313235.post-51896555139703685842008-09-09T02:51:00.000-07:002008-09-09T02:55:39.149-07:00ความสำเร็จของสำนักงานแห่งการเรียนรู้ความสำเร็จที่เห็นได้ชัดคือ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเรื่องความคิดและพฤติกรรมซึ่งมีผลต่อการพัฒนาปรับตัวเพื่อความอยู่รอด ทั้งนี้มีองค์ประกอบสำคัญของการก้าวสู่ความสำเร็จของสำนักงานแห่งการเรียนรู้อยู่ 6 ประการได้แก่<br /><strong><span style="color:#ffcc00;">1. ภาวะผู้นำ ( Leadership )</span></strong> เป็นวิธีการซึ่งบริษัทสามารถเปลี่ยนแปลงสู่การเป็นสำนักงานแห่งการ<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiQbBKHJ20Ko0oYzzJTXojwB5KntZNEVNgKSEs94jXcFZp45LqNuL6impkm6HVNwQG4NREFN67EQuuhWBVJCQjlb5HNgPhu7Uwae0ypM64_9VosbNHclIwUpH6RMdmRe018USY6pXKpVjI/s1600-h/05-1.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5243957518151472098" style="FLOAT: right; MARGIN: 0px 0px 10px 10px; WIDTH: 186px; CURSOR: hand; HEIGHT: 199px" height="224" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiQbBKHJ20Ko0oYzzJTXojwB5KntZNEVNgKSEs94jXcFZp45LqNuL6impkm6HVNwQG4NREFN67EQuuhWBVJCQjlb5HNgPhu7Uwae0ypM64_9VosbNHclIwUpH6RMdmRe018USY6pXKpVjI/s320/05-1.jpg" width="196" border="0" /></a>เรียนรู้ โดยการสร้างผู้นำที่มีบทบาทสำคัญ 3 ประการ คือ<br />1.1 การสร้างวิสัยทัศน์ร่วมกัน ( Shared Vision )<br />1.2 การออกแบบโครงสร้าง ( Design Structure )<br />1.3 ภาวะผู้นำแบบผู้รับใช้ ( Servant Leadership )<br />ภาวะผู้นำตามบทบาทเหล่านี้จะทำให้เกิดภาพลักษณ์ใหม่ ของผู้นำในสำนักงานแห่งการเรียนรู้ซึ่งจะมีความสำคัญและเป็นองค์ประกอบหลักของความสำเร็จสู่การเป็นสำนักงานแห่งการเรียนรู้<br /><strong><span style="color:#006600;">2. โครงสร้างแนวนอน / เครือข่าย ( Horizontal / Network Structure )</span></strong> สำนักงานแห่งการเรียนรู้ใช้หลักการใหม่ ๆ เพื่อให้ประสพความสำเร็จจากการทำงานร่วมกันเป็นทีม มีความเชื่อมโยงกันในแนวราบ ทั้งในด้านการทำงานและสถานที่ทำงาน พนักงานควรออกสนาม ( fields ) คือมีโอกาสได้สัมผัสพื้นที่การขายหรือการบริการเพื่อกระชับความสัมพันธ์กับลูกค้า ( แนวโน้มนี้ใช้กับหลักการรีเอ็นจีเนียริ่งเช่นเดียวกัน ) ด้วยความรวดเร็วและประสิทธิผล โครงสร้างแบบนี้ต้องสะท้อนแนวทางปฏิรูปความคิดทางการบริหาร เช่น การทำงานเป็นกลุ่มสำคัญมากกว่าการทำงานของแต่ละบุคคล เป็นต้น สมาชิกกลุ่มรับผิดชอบในการฝึกอบรม รักษาความปลอดภัย ตารางการหยุดงานและแม้กระทั่งการตัดสินใจด้านการจ่ายผลตอบแทน<br /><strong><span style="color:#cc33cc;">3. การมอบอำนาจให้พนักงาน ( Employee Empowerment )</span></strong> เป็นการให้อำนาจ อิสระความรู้และความชำนาญ เพื่อให้พนักงานเกิดการตัดสินใจและลงมือปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ การมอบอำนาจแบบนี้ ( Empowerment ) สะท้อนถึงการทำงานด้วยตนเองเป็นกลุ่ม มีการสร้างคุณภาพ การกำหนดคุณลักษณะของงาน อำนาจหน้าที่ การฝึกอบรม เพื่อให้พนักงานสามารถปฏิบัติงานได้โดยอิสระ แต่ละกลุ่มจำสามารถระดับการมอบอำนาจได้สูงขึ้นเพียงใดขึ้นอยู่กับตัวเนื้อหางาน และความซับซ้อนของงาน งานที่มีความซับซ้อนมากต้องใช้ปริมาณการมอบอำนาจมากกว่างานการซ่อมอุปกรณ์ เป็นต้น<br /><strong><span style="color:#ff6666;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEioIEma-27zk3UrZKCyIzCDh1UyWAp8Z7OOnJc4tQ3WKqqSCV0LVvCitbRYngf9czxPUj_Wqmtg6FZBPDW80HhAWH14hpmhJVMmQgl2sOc42ABkyEDPd3oH68Eu5OF-IRTk0apAZS06bEM/s1600-h/1753_humor+with+children.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5243957701400517442" style="FLOAT: left; MARGIN: 0px 10px 10px 0px; WIDTH: 198px; CURSOR: hand; HEIGHT: 151px" height="165" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEioIEma-27zk3UrZKCyIzCDh1UyWAp8Z7OOnJc4tQ3WKqqSCV0LVvCitbRYngf9czxPUj_Wqmtg6FZBPDW80HhAWH14hpmhJVMmQgl2sOc42ABkyEDPd3oH68Eu5OF-IRTk0apAZS06bEM/s320/1753_humor+with+children.jpg" width="228" border="0" /></a>4. การแบ่งปันข้อมูล ( Information Sharing )</span></strong> ภายในสำนักงานแห่งการเรียนรู้ มีข้อมูลมากมายพนักงานต้องระวังการใช้และเข้าใจองค์รวม รวมทั้งทราบว่าแต่ละคนอยู่ในส่วนใดขององค์รวมนั้นเพื่อให้เกิดการใช้ข้อมูลที่ตรงกับความต้องการและแก้ปัญหาได้จริง ผู้บริหารสำนักงานควรรู้ข้อมูลให้มากและรู้จักเลือกใช้การสื่อสารแบบเปิด ( Open Communication ) ทั้งนี้การใช้เทคโนโลยีของการติดต่อสื่อสารก็มีบทบาทช่วยให้เกิดการแบ่งปันข้อมูลที่มีประสิทธิผลด้วยเช่นกัน<br /><strong><span style="color:#00cccc;">5. การกำหนดกลยุทธ์ ( Emergent Strategy )</span></strong> แต่เดิมการวางแผนและการกำหนดกลยุทธ์เป็นหน้าที่ของผู้บริหารระดับสูง สำหรับสำนักงานแห่งการเรียนรู้ ผู้นำหรือผู้บริหารระดับสูงยังคงมีอิทธิพลต่อวิสัยทัศน์และทิศทางในภาพรวม เพียงแต่มิได้เป็นผู้ควบคุมและสั่งการด้านกลยุทธ์โดยลำพัง เพราะจะมีพนักงานทุกคนช่วยกัน ตามที่ทราบกัน หัวใจแห่งความสำเร็จของสำนักงานแห่งการเรียนรู้ คือ พนักงาน ดังนั้น การกำหนดกลยุทธ์ควรให้ทุกคนมีบทบาทในการพัฒนาสร้างเสริมแนวทางให้ตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายอย่างแท้จริง<br /><strong><span style="color:#33cc00;">6. วัฒนธรรมที่เข้มแข็ง ( Strong Culture )</span></strong> วัฒนธรรมองค์การเป็นกลุ่มของคุณค่าหลัก ความเชื่อ ความเข้าใจ และบรรทัดฐานที่ร่วมกันในระหว่างสมาชิกภายในองค์การ และพื้นฐานของสำนักงานแห่งการเรียนรู้เช่นเดียวกัน การที่จะเกิดวัฒนธรรมที่เข้มแข็งได้นั้นต้องครอบคลุมเนื้อหาทั้ง 3 ประการ คือ <a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiCOX9Ie2TaqE3CUKJsChBeW9bgKy1Q_7PoHQGeCf7K2uz8hHLeMc-1jzlXsC4mjpcadB32aEu2GF2XMLWdeTdVTU-3TxUWC5al0ArZ6BoCKTwy4t6vgDmFD3G0dR2Jt223E17uIozYFeA/s1600-h/119752066736153.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5243957910699996562" style="FLOAT: right; MARGIN: 0px 0px 10px 10px; CURSOR: hand" height="123" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiCOX9Ie2TaqE3CUKJsChBeW9bgKy1Q_7PoHQGeCf7K2uz8hHLeMc-1jzlXsC4mjpcadB32aEu2GF2XMLWdeTdVTU-3TxUWC5al0ArZ6BoCKTwy4t6vgDmFD3G0dR2Jt223E17uIozYFeA/s320/119752066736153.jpg" width="177" border="0" /></a><br />6.1 ภาพรวมมีความสำคัญมากกว่าส่วนใดส่วนหนึ่ง และขอบเขตระหว่างส่วน<br />งานต่าง ๆ ควรมีให้น้อยที่สุด หรือไม่มีเลย<br />6.2 วัฒนธรรมสร้างความรู้สึกของชุมชน ความเมตตากรุณา และการเอาใจใส่<br />กันและกันภายในสำนักงาน<br />6.3 คุณค่าของวัฒนธรรมได้รับการปรับปรุง พัฒนาเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้นกลุ่มที่ 4http://www.blogger.com/profile/03321987565417494323noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4579492836188313235.post-27932634800921918112008-09-09T02:45:00.000-07:002008-09-09T02:50:58.413-07:00เทคโนโลยีสำหรับสำนักงานอัตโนมัติเทคโนโลยีในสำนักงานอัตโนมัติมีมากมายหลายอย่าง เทคโนโลยีบางอย่าง เป็นเรื่องพื้นๆ ที่เห็นกันมานานแล้ว แต่บางอย่างก็ก้าวหน้าอย่างที่เราคิดไม่ถึง ในที่นี้จะได้นำเทคโนโลยีที่น่าสนใจมาอธิบายให้เห็นว่าสำนักงานอัตโนมัติมีอะไรและใช้อะไรอยู่บ้าง<br /><div><div><strong><span style="color:#ff9900;">1. Dictation</span></strong> งานอย่างหนึ่งที่จำเป็นในสำนักงาน คือ งานเขียนคำบอก นั่นคือผู้บริหารอาจเรียกเลขานุการมาบอกข้อความให้พิมพ์จดหมาย เลขานุการก็ใช้เชาวเลขในการบันทึกข้อความนั้นสำหรับนำไปพิมพ์ ยุคปัจจุบันที่การจราจรติดขัดผู้บริหารอาจเลือกใช้วิธีอัดเสียงในเครื่องบันทึกเสียงขณะนั่งในรถยนต์แล้วส่งตลับแถบเสียงให้เลขานุการใช้เครื่องฟังเสียงแล้ว<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgAPrLam6qijRRd25et9KpAtioQcbfrmq1TDU9moujpZlATBz2z4NEvO5EO1wfvHhiOJXR7CLUhPI7lJtPZeFC5KgzHfYWq6xMMXNeIewu3SmIFEYpT8kvi17AE9-Xq6ENcptMR_tePoOA/s1600-h/funny-kids-10.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5243956307048104338" style="FLOAT: right; MARGIN: 0px 0px 10px 10px; WIDTH: 145px; CURSOR: hand; HEIGHT: 166px" height="121" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgAPrLam6qijRRd25et9KpAtioQcbfrmq1TDU9moujpZlATBz2z4NEvO5EO1wfvHhiOJXR7CLUhPI7lJtPZeFC5KgzHfYWq6xMMXNeIewu3SmIFEYpT8kvi17AE9-Xq6ENcptMR_tePoOA/s320/funny-kids-10.jpg" width="148" border="0" /></a>พิมพ์ข้อความเหล่านั้นก็ได้<br /><strong><span style="color:#009900;">2. Text Editing</span></strong> งานในสำนักงานที่เกี่ยวกับการใช้คอมพิวเตอร์ และตรวจแก้ไขเอกสารต่างๆ เช่น จดหมายรายงาน คำสั่ง ปกติรู้จักกันในชื่องานประมวลคำ (Word Processing) และนิยมใช้กันอย่างกว้างขวางทั่วไปตามสำนักงานต่างๆ จนเกิดความเข้าใจผิดว่า ลำพังการใช้คอมพิวเตอร์ในงานพิมพ์เอกสาร ก็คืองานสำนักงานอัตโนมัติทั้งหมด งานประมวลคำมีประโยชน์ตรงช่วยให้พิมพ์ข้อความจดหมายรายงานได้อย่างสะดวก หากพิมพ์ผิดก็แก้ไขเปลี่ยนแปลงได้ง่ายโดยไม่ต้องพิมพ์ทุกอย่างใหม่หมด<br /><strong><span style="color:#3333ff;">3. Electronic mail</span></strong> ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ คือการใช้คอมพิวเตอร์พิมพ์และส่งข่าวสาร<br />ซึ่งส่วนมากเป็นจดหมายผ่านระบบสื่อสารไปยังผู้รับโดยตรง โดยทั่วไปผู้ส่งข่าวสารมักจะใช้ระบบประมวลคำสร้างจดหมายขึ้นโดยใช้คอมพิวเตอร์ที่โต๊ะทำงานของตน จดหมายนี้ระบุหมายเลขที่อยู่ของผู้รับ ซึ่งเรียกว่า e-mail address เอาไว้ด้วย เมื่อทำจดหมายเสร็จ โปรแกรมสื่อสารในคอมพิวเตอร์เครื่องนั้นจะส่งจดหมายผ่านระบบสื่อสาร<br /><strong><span style="color:#cc66cc;">4. Electronic Filling</span></strong> การจัดแฟ้มอิเล็กทรอนิกส์ เป็นวิธีการจัดเก็บจดหมาย รายงาน และ<br />เอกสารต่างๆไว้ในระบบคอมพิวเตอร์เพื่อให้สะดวกแก่การค้นคืน โดยปกติสำนักงานทั่วไปต้องมีตู้เก็บเอกสารหลายใบสำหรับเก็บเอกสารต่างๆ ที่ได้รับและสร้างขึ้น การจัดเก็บแบบนี้นอกจากจะสิ้นเปลืองเนื้อที่เก็บแล้ว ยังไม่สะดวกด้วยบางครั้งต้องถ่ายเป็นสำเนาเอาไปไว้ในแฟ้มต่างๆ ทำให้สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายมากขึ้น แต่ถึงกระนั้นยังค้นหาเอกสารที่ต้องไม่ค่อยพบ แนวทางการจัดแฟ้มอิเล็กทรอนิกส์ส่วนมากใช้ระบบภาพลักษณ์ (Image Processing) คือนำเอกสารต้นฉบับมาเข้าเครื่องกราดตรวจ (scanner) เพื่อเปลี่ยนเป็นข้อมูลภาพลักษณ์เก็บไว้ พร้อมกันนั้นก็พิมพ์รายละเอียดเกี่ยวกับเอกสารนั้นๆ เช่น เรื่อง วันที่จัดทำ คำสำคัญต่างๆ เพื่อให้ระบบคอมพิวเตอร์ค้นหาเอกสารที่ต้องการได้การจัดแฟ้มอิเล็กทรอนิกส์นี้สามารถช่วยลดความยุ่งยากในการดูแลตู้เก็บเอกสารไปได้มาก </div><br /><div><strong><span style="color:#990000;">5. Calendaring</span></strong> ระบบนัดหมาย เป็นระบบสำคัญของผู้บริหารซึ่งจะต้องพบปะกับผู้อื่นอยู่เสมอทั้งบุคคลภายนอกและภายในหน่วยงาน ปกติผู้บริหาร<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhU22pk5PBJJf_-0XCc__J7wRS790YlGLb7Ll39odvwxQhHNVRQOOR_DVbVUgsg0TfJN9vjwZrxMcyseluvuJKZNq3o91__xg_yeAWcpVwyTfXA9G_BAe0FO_vETx9fGZihyphenhyphenZsvvrvnbLE/s1600-h/1067_0879.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5243956508854292994" style="FLOAT: left; MARGIN: 0px 10px 10px 0px; CURSOR: hand" height="128" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhU22pk5PBJJf_-0XCc__J7wRS790YlGLb7Ll39odvwxQhHNVRQOOR_DVbVUgsg0TfJN9vjwZrxMcyseluvuJKZNq3o91__xg_yeAWcpVwyTfXA9G_BAe0FO_vETx9fGZihyphenhyphenZsvvrvnbLE/s320/1067_0879.jpg" width="212" border="0" /></a>ระดับสูงมักมอบหมายให้เลขานุการเป็นผู้บันทึกการนัดหมาย และคอยเตือน นอกจากนั้นเวลาที่ผู้บริหารไม่อยู่ในสำนักงานการนัดหมายยังอาจยากมากขึ้น เพราะตรวจสอบตารางนัดหมายไม่ได้ ในสำนักงานอัตโนมัติ ผู้บริหารอาจบันทึกการนัดหมายลงในระบบคอมพิวเตอร์ และอนุญาตให้ผู้อื่นตรวจสอบตารางนัดได้ เพื่อจะได้ขอมาพบหรือนักประชุม ปกติระบบนัดหมายของคอมพิวเตอร์มักยอมให้บันทึกการนัดหมายเป็นความลับได้หลายระดับ </div><br /><div><strong><span style="color:#003300;"></span></strong> </div><div><strong><span style="color:#003300;">6. Phototypesetting</span></strong> การเรียงพิมพ์ด้วยแสง หรือการใช้คอมพิวเตอร์เรียงพิมพ์เอกสาร รายงาน แบบฟอร์มแผ่นพับใบปลิว โฆษณา จะกลายเป็นส่วนสำคัญของงานสำนักงานไปด้วย </div><div><strong><span style="color:#6666cc;">7. Micrographics</span></strong> การใช้ไมโครฟิล์มเป็นสื่อสำหรับบันทึกเอกสาร หนังสือ หรือรูปภาพต่างๆ เป็นที่รู้จักกันมานานแล้วในหมู่บรรณารักษ์ห้องสมุด เพราะประหยัดเนื้อที่การถ่ายย่อภาพเอกสารลงบนฟิล์มขนาดเล็กมีทั้งชนิดม้วนที่เรียกว่าไมโครฟิล์มโดยทั่วไป หรือเป็นแผ่นฟิล์มซึ่งถ่ายภาพเอกสารลงเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าเล็ก ๆ เรียกว่า ไมโครฟิช หรือเป็นแผ่นฟิล์มที่ติดตรึงบนบัตรกระดาษขนาดเท่ากับบัตรเจาะรู </div><br /><div><strong><span style="color:#663333;">8. Computer Teleconference</span></strong> เป็นระบบประชุมทางไกลที่ใช้คอมพิวเตอร์เป็นสื่อโดยตรง ปัจจุบันเรามีเทคโนโลยีสื่อสารหลายแบบ (Multimedia) ซึ่งรวมภาพ เสียง ข้อความ ข้อมูล มาทำงานพร้อมกันทางคอมพิวเตอร์ หากเรานำเทคโนโลยีมาใช้ในการประชุมทางไกล เราสามารถใช้คอมพิวเตอร์ส่งภาพผู้เข้าร่วมประชุมจากที่หนึ่งไปออกยังคอมพิวเตอร์อีกที่หนึ่ง สามารถใช้โปรแกรมอี-เมล์ส่งข้อความและข้อมูลสามารถใช้คอมพิวเตอร์ค้นข้อมูลและคำนวณผลลัพธ์ด้วยสเปรคชีต โดยวิธีนี้การประชุมทางไกลก็จะมีทั้งประสิทธิภาพ และประสิทธิผลอย่างมากขึ้น <a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjGIuaHAaKMr-TmzOmdtmI3VmgjhrTsrBFn8y_kFZ4iKGC0VwxrCyu7k3BTb_TVKTowyeI0qo5VezQJ67bXqk2dBzN34shZFxwTQIqNSE8KWA8Ma84MXNGVlKFUDwXWjSTbDZQbZzPPCRw/s1600-h/02-2.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5243956666706292834" style="FLOAT: right; MARGIN: 0px 0px 10px 10px; CURSOR: hand" height="121" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjGIuaHAaKMr-TmzOmdtmI3VmgjhrTsrBFn8y_kFZ4iKGC0VwxrCyu7k3BTb_TVKTowyeI0qo5VezQJ67bXqk2dBzN34shZFxwTQIqNSE8KWA8Ma84MXNGVlKFUDwXWjSTbDZQbZzPPCRw/s320/02-2.jpg" width="185" border="0" /></a><br /><strong><span style="color:#993399;">9. Forms Design</span></strong> การออกแบบฟอร์มเอกสารเป็นงานที่ต้องใช้เวลาและความพิถีพิถันมากทีเดียวได้กล่าวแล้วว่าโปรแกรม DIP จะมีบทบาทด้านนี้มากขึ้น แต่เราก็ยังจำเป็นต้องมีโปรแกรมที่เกี่ยวกับแบบฟอร์มอยู่อีกสองประเภท ประเภทแรกใช้สำหรับพิมพ์ข้อความลงในแบบฟอร์มและประเภทที่สองใช้สำหรับให้ผู้เกี่ยวข้องใช้เครื่องปลายทางกรอกข้อความลงในแบบฟอร์ม </div><div><strong><span style="color:#660000;">10. Audio text</span></strong> มีลักษณะของการสื่อสารข้อมูลหรือเรื่องราวที่น่าสนใจไปให้ผู้รับบริการคล้ายๆ กับ Videotext แต่ใช้อุปกรณ์โทรศัพท์สำหรับสื่อสารข้อมูลเป็นเสียงพูด</div></div>กลุ่มที่ 4http://www.blogger.com/profile/03321987565417494323noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4579492836188313235.post-66916677499156934802008-09-09T02:36:00.000-07:002008-09-09T02:45:05.837-07:00เทคโนโลยี (Technology)เทคโนโลยี หมายถึง การประยุกต์เอาความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ มาใช้ให้เกิดประโยชน์ และเป็นหัวใจของการสร้างมูลค่า<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi2rbLd6LqPaW75Slvi61CnhKtGBOuvoPLI0C_oMBMDsDaXD45KJpCdKvqjBsxgJ6hAAreMYjSJpl-ym2Inj-gzNQVnim15kWfHZeL6LGk8UFe_7J7Z5T66t9Tc1T8WE-sdASRkhwVPXdg/s1600-h/59-20041021174302.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5243954221117406370" style="FLOAT: right; MARGIN: 0px 0px 10px 10px; CURSOR: hand" height="113" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi2rbLd6LqPaW75Slvi61CnhKtGBOuvoPLI0C_oMBMDsDaXD45KJpCdKvqjBsxgJ6hAAreMYjSJpl-ym2Inj-gzNQVnim15kWfHZeL6LGk8UFe_7J7Z5T66t9Tc1T8WE-sdASRkhwVPXdg/s320/59-20041021174302.jpg" width="164" border="0" /></a>เพิ่มให้กับสินค้าและผลิตภัณฑ์ เช่น การนำทรายซึ่งเป็นสารประกอบของซิลิกอนที่มีราคาต่ำ มาสกัดเอาสารซิลิกอนให้บริสุทธิ์ และเจือสารบางอย่างให้เกิดเป็นสิ่งที่เรียกว่าสารกึ่งตัวนำ นำมาผลิตเป็นทรานซิสเตอร์และไอซี ซึ่งไอซีนี้เป็นอุปกรณ์ที่รวมวงจรอิเล็กทรอนิกส์จำนวนมากไว้ด้วยกัน ใช้ทำชิพ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของคอมพิวเตอร์ ทำให้มีราคาสูงเทคโนโลยีจึงเป็นหนทางที่จะช่วยพัฒนาให้สินค้าและบริการต่าง ๆมีมูลค่าเพิ่มขึ้น เทคโนโลยีเป็นการเชื่อมระหว่างความชำนาญ ความรู้ ประสบการณ์ เครื่องมือ เครื่องจักร คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิต และการกระจายสินค้าหรือบริการ เทคโนโลยีรวมอยู่ในกิจกรรมทั้งหมดขององค์การหรือสำนักงานและอัตราการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของเทคโนโลยีเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการเกิดนวัตกรรมของสำนักงาน การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี มี 2 ประเภท ดังนี้<br />1. Quantum Technological Change เป็นการเคลื่อนย้ายเทคโนโลยีแบบพื้นฐาน ซึ่งมีผลต่อนวัตกรรมของสินค้าและบริการใหม่ ตัวอย่างที่เห็นได้ขัด คือ การพัฒนาของ Internet และการพัฒนาของวิศวพันธุกรรม หรือที่เรียกว่า Biotechnology แม้แต่การพัฒนาหลักการเบื้องหลังการจัดหาสินค้าจานด่วน (Fast food) ของ McDonald ก็เป็นลักษณะการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีประเภทนี้เช่นเดียวกัน<br />2. Incremental Technology Change เป็นการเปลี่ยนแปลงที่กลั่นกรองเทคโนโลยีที่มีอยู่แล้วและนำไปสู่การปรับปรุงทีละเล็กทีละน้อย<br /><br /><strong><span style="color:#ff6600;">เทคโนโลยีสารสนเทศ</span></strong><br /><br />สารสนเทศ หมายถึง ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตของมนุษย์ หรืออาจกล่าวได้ว่า สารสนเทศ เกิดจากการนำข้อมูล ผ่านระบบการประมวลผล คำนวณ วิเคราะห์และแปลความหมายเป็นข้อความที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้<br />เช่น สารสนเทศที่เป็น ความรู้ที่เกิดจากวิทยุ โทรศัพท์มือถือ ข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ รอบตัวเราซึ่งอาจมาจาก วิทยุ โทรทัศน์ เครือข่ายคอมพิวเตอร์ดาวเทียม โทรศัพท์ <a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgy1SbPyW1zT3mzCSl7m3Djd9b8dPYaJglDNmyVYTjakpeKFKt0UMhy0ci8zw9YsQ5iilEhzfZ4eZXTpX8Rpw85db2AiVJZhlsz92R4e3GykWNTXbAcfPVqqURmFmUMwQku90lwZdiNcZk/s1600-h/computer_1.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5243954367464336018" style="FLOAT: left; MARGIN: 0px 10px 10px 0px; CURSOR: hand" height="106" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgy1SbPyW1zT3mzCSl7m3Djd9b8dPYaJglDNmyVYTjakpeKFKt0UMhy0ci8zw9YsQ5iilEhzfZ4eZXTpX8Rpw85db2AiVJZhlsz92R4e3GykWNTXbAcfPVqqURmFmUMwQku90lwZdiNcZk/s320/computer_1.jpg" width="187" border="0" /></a>เครื่องจักร ที่เกี่ยวกับสารสนเทศได้ เครื่องคอมพิวเตอร์ ระบบสื่อสารโทรคมนาคมสมัยใหม่ เช่น การฝาก ถอนเงินผ่านเครื่อง ATM การจองตั๋วเครื่องบิน การลงทะเบียน ฯลฯ<br />เทคโนโลยีสารสนเทศ หมายถึง เทคโนโลยีที่ใช้จัดการสารสนเทศ เป็นเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องตั้งแต่ การเก็บรวบรวมข้อมูล การประมวลผล การแสดงผลลัพธ์ การทำสำเนา และการสื่อสารโทรคมนาคม เพื่อให้ได้สารสนเทศที่เหมาะสมและสามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้<br /><br />1. การเก็บรวบรวมข้อมูล เป็นวิธีการรวบรวมข้อมูลเข้าสู่ระบบซึ่งสามารถทำได้หลายวิธี เช่น การพิมพ์ป้อนทางแป้นพิมพ์ การใช้เครื่องอ่านรหัสแท่ง(bar code)<br />2. การประมวลผล เป็นการนำเสนอข้อมูลที่เก็บมาได้เข้าสู่กระบวนการประมวลผลตามต้องการเช่น การคำนวณ<br />3. การเรียงลำดับข้อมูล แยกเป็นกลุ่ม ฯลฯ ส่วนใหญ่จะดำเนินการด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ จากส่วนสำคัญที่เรียกว่า ชิพในหน่วยซีพียู<br />4. การแสดงผลลัพท์ เป็นอุปกรณ์ที่ใช้เทคโนโลยีในการแสดงผลลัพธ์ ซึ่งสามารถเป็นตัวหนังสือ รูปภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหวแบบวีดีทัศน์หรือเสียง<br />5. การทำสำเนา เป็นการทำสำเนาข้อมูลหรือสารสนเทศที่จัดเก็บไว้ในสื่ออิเลคทรอนิกส์ชนิดต่าง ๆ ให้มีหลายชุด เพื่อสะดวกต่อการเก็บรักษา และการนำไปใช้ อุปกรณ์ที่ใช้ทำสำเนา เช่น เครื่องพิมพ์ เครื่องถ่ายเอกสาร แผ่นบันทึก ฮาร์ดดิสต์หรือ CD-RON<br />6. การสื่อสารโทรคมนาคม เป็นวิธีการที่จะส่งข้อมูลจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง ซึ่งอาจส่งกระจายไปยังปลายทางครั้งละมาก ๆ อุปกรณ์ที่ใช้ได้แก่ โทรศัพท์ โทรสาร วิทยุ โทรทัศน์ เครือข่ายคอมพิวเตอร์ คลื่นวิทยุ ดาวเทียม ฯลฯ<br /><br /><strong><span style="color:#3366ff;">ประโยชน์ของเทคโนโลยีสารสนเทศ</span></strong><br />เทคโนโลยีสารสนเทศมีบทบาทต่อการพัฒนาประเทศชาติในทุกวงการ ซึ่งเกี่ยวข้องกับวิถีความเป็นอยู่ของคนสังคมสมัยใหม่อยู่มาก เช่น <a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEidwtIW3UMgQm9bp-h4cMRmOqEYPKvZCaFVusZDGkw3Mv3Y4akHeLjO7vFqycmuCXMjytuWX3G_cfqVfYgBXgicJylCq-EAPModtzv_OK5txpqPJ7ZO1DA-F6Papou3pkKhO5MSVKxpaMc/s1600-h/1079_0655.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5243954632819862770" style="FLOAT: right; MARGIN: 0px 0px 10px 10px; WIDTH: 153px; CURSOR: hand; HEIGHT: 177px" height="191" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEidwtIW3UMgQm9bp-h4cMRmOqEYPKvZCaFVusZDGkw3Mv3Y4akHeLjO7vFqycmuCXMjytuWX3G_cfqVfYgBXgicJylCq-EAPModtzv_OK5txpqPJ7ZO1DA-F6Papou3pkKhO5MSVKxpaMc/s320/1079_0655.jpg" width="171" border="0" /></a><br />1. เทคโนโลยีสารสนเทศช่วยเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ในการประกอบการทางด้านเศรษฐกิจ การค้า และการอุตสาหกรรม จำเป็นต้องหาวิธีในการเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน คอมพิวเตอร์ และระบบสื่อสารเข้ามาช่วยทำให้เกิดระบบอัตโนมัติ เราสามารถฝากถอนเงินสดผ่านเครื่องเอทีเอ็มได้ตลอดเวลา ธนาคารสามารถให้บริการได้ดีขึ้น ทำให้การบริการโดยรวมมีประสิทธิภาพ ในระบบการจัดการทุกแห่งต้องใช้ข้อมูลเพื่อการดำเนินการตัดสินใจ ระบบธุรกิจจึงใช้เครื่องมือเหล่านี้ช่วยในการทำงาน เช่นใช้ในระบบจัดเก็บเงินสด จองตั๋วเครื่องบิน ระบบการขายสินค้านำมาจัดระบบสินค้าคงคลัง เป็นต้น<br />2. เทคโนโลยีสารสนเทศเปลี่ยนรูปแบบการบริการเป็นแบบกระจาย เมื่อมีการพัฒนาระบบข้อมูล และการใช้ข้อมูลได้ดี การบริการต่าง ๆ จึงเน้นรูปแบบการบริการแบบกระจาย ผู้ใช้สามารถสั่งซื้อสินค้าจากที่บ้าน สามารถสอบถามข้อมูลต่าง ๆ ผ่านทางโทรศัพท์ หรือระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เช่น สอบถามเลขหมายโทรศัพท์ที่ต้องการ เช็คยอดเงินคงเหลือที่ฝากในธนาคาร เช็คยอดเงินคงค้างค่าบริการ โทรศัพท์ เป็นต้น<br />3. เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นสิ่งจำเป็น สำหรับการดำเนินการในหน่วยงาน ต่าง ๆ ปัจจุบันทุกหน่วยงานต่างพัฒนาระบบรวบรวมจัดเก็บข้อมูลเพื่อใช้ในองค์กร ประเทศไทย มีระบบทะเบียนราษฎร์ที่จัดทำด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ระบบเวชระเบียนในโรงพยาบาล ระบบการจัดเก็บข้อมูลภาษี มีการนำเอาระบบสำนักงานอัตโนมัติมาใช้ในการทำงานมากขึ้น<br />4. เทคโนโลยีสารสนเทศเกี่ยวข้องกับคนทุกระดับ พัฒนาการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของคนเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีมากขึ้น เช่น การใช้โทรศัพท์ โทรสาร อินเทอร์เน็ตในการติดต่อสื่อสาร การใช้คอมพิวเตอร์ในการทำงาน<br /><br /><strong><span style="color:#006600;">อุปสรรคของเทคโนโลยี</span></strong><br />แม้ว่ามีประโยชน์มากก็ตาม แต่ IT ก็มีอุปสรรคและข้อจำกัดอยู่เช่นเดียวกันซึ่งอุปสรรคที่ทำให้การปฏิบัติงานของ IT ทำได้ยากลำบากยิ่งขึ้น ประกอบด้วย<br />1. ปัญหาด้านเทคโนโลยี โดยขาดมาตรฐานความคงที่ เพราะมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทำให้ธุรกิจซึ่งใช้ IT ที่แตกต่าง จะมีมาตรฐานที่แตกต่างกัน และความแตกต่างเหล่านี้จะทำให้เกิดความลำบากในการเชื่อมต่ออุปกรณ์เข้าด้วยกันในระบบเครือข่าย เช่น แฟ้มในคอมพิวเตอร์ไม่สามารถย้ายจากที่หนึ่งไปยังอีกแห่งหนึ่งได้ เพราะเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์คนละบริษัทที่มีมาตรฐานแตกต่างกัน เป็นต้น<br />2. การต่อต้านจากผู้ใช้ เหตุผลเบื้องต้นคือ เกิดความกลัวเทคโนโลยี ไม่ชอบใช้เทคโนโลยี และขาดการสนับสนุนจากพนักงานภายในสำนักงาน การต่อต้านจะลดลงได้ถ้าทำให้เกิดความเป็นมิตรและมีการชี้แจงหรือให้การศึกษา หรือฝึกอบรมการใช้คอมพิวเตอร์<br />3. การคัดค้านทางการเมืองเพราะอิทธิพลของ IT ที่มีต่อการเปลี่ยนแปลงในสำนักงาน อาจทำให้เสียประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงนั้นคัดค้าน โดยใช้ยุทธวิธีต่าง ๆ เช่น หลีกเลี่ยงการนำทรัพยากรไปใช้ หันเหเป้าหมายโครงการ IT และเพิกเฉยหรือละเลยงานในส่วนนั้นอย่างเจตนา เป็นต้นกลุ่มที่ 4http://www.blogger.com/profile/03321987565417494323noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4579492836188313235.post-7951290240797079832008-09-09T02:29:00.000-07:002008-09-09T02:36:20.253-07:00กระบวนการนวัตกรรม<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgb29fo360bVkpAWun-oyRVjMsuuf1X7e2Fcasza256Up5TXAqVWHCH_KY-6DGGfAAvzyofV23BAZmBuHCE7Tex4545gtLeKQovaid0uFEuaghHs1vCIDQre1vDugRby0ty8WopXppCtVk/s1600-h/images.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5243952456984389506" style="FLOAT: right; MARGIN: 0px 0px 10px 10px; CURSOR: hand" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgb29fo360bVkpAWun-oyRVjMsuuf1X7e2Fcasza256Up5TXAqVWHCH_KY-6DGGfAAvzyofV23BAZmBuHCE7Tex4545gtLeKQovaid0uFEuaghHs1vCIDQre1vDugRby0ty8WopXppCtVk/s320/images.jpg" border="0" /></a>แนวคิดเกี่ยวกับระบบสารสนเทศ การใช้คอมพิวเตอร์ความหมายของนวัตกรรม คือ สิ่งใหม่ขึ้นมา ดังนั้น นวัตกรรม จึงหมายความว่า การปฏิบัติ หรือสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ ที่ยังไม่เคยใช้มาก่อน หรือเป็นการดัดแปลงจากเดิมที่มีอยู่แล้วให้ทันสมัยและใช้ได้ผลดียิ่งขึ้น นวัตกรรมจัดเป็นสิ่งสำคัญที่ควบคู่กันกับเทคโนโลยี เนื่องจากนวัตกรรมเป็นเรื่องของการคิดค้นหรือเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น ส่วนเทคโนโลยีนั้นมุ่งไปที่การนำสิ่งต่างๆ รวมทั้งวิธีการเข้ามาประยุกต์ใช้กับการทำงานหรือแก้ปัญหาให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดคุณลักษณะที่สำคัญของนวัตกรรม<br />1. นวัตกรรมต้องใช้กระบวนการคิดที่เป็นลำดับขั้น<br /><div><div>2. ใช้เวลามากในการกระตุ้น ส่งเสริม พัฒนาในการเรียนรู้สิ่งแปลกใหม่</div><div>3. มีพื้นฐานมาจากความต้องการที่จะเห็นความคิดใหม่ และสิ่งประดิษฐ์ใหม่เกิดขึ้น</div><div>4. มีการต่อต้านการสร้างนวัตกรรม จึงต้องคิดหาทางเพื่อไม่ให้เกิดการต่อต้านนวัตกรรม<br />ที่ทำให้รู้สึกว่าไม่คุ้นเคย </div><br /><div><strong><span style="color:#3333ff;">กระบวนการนวัตกรรม 4 ขั้น ดังนี้</span></strong><br />1. การสร้างความคิด <a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhljsLLnXk0dQbL435JwSsHs-ZeHis4DRO6qjacuOTyvOGgwf0Q1LO53Ay8oTtwGeCY73mN8PNnsXLN1OQ_a1xVw1T_VTYXmxJcfYFm5qzhgUiMhaeqA6knKtUZIoi8OGm0bwyQPaFEnLU/s1600-h/business_25.gif"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5243952609854530354" style="FLOAT: right; MARGIN: 0px 0px 10px 10px; CURSOR: hand" height="145" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhljsLLnXk0dQbL435JwSsHs-ZeHis4DRO6qjacuOTyvOGgwf0Q1LO53Ay8oTtwGeCY73mN8PNnsXLN1OQ_a1xVw1T_VTYXmxJcfYFm5qzhgUiMhaeqA6knKtUZIoi8OGm0bwyQPaFEnLU/s320/business_25.gif" width="184" border="0" /></a><br />เป็นขั้นตอนที่เกิดขึ้นจากความคิดสร้างสรรค์ที่คล้องจองกัน ความเฉลียวฉลาดช่างประดิษฐ์คิดค้น และกระบวนการของข้อมูลข่าวสาร เช่น ค้นพบผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีศักยภาพ หรือพบวิธีการปรับปรุงสินค้าเดิมให้ประหยัดและมีคุณภาพดีขึ้น<br />2. การทดลองเบื้องต้น<br />ความคิดใหม่ต้องถูกตรวจสอบในเรื่องที่เกี่ยวกับแนวคิด เพื่อสร้างคุณค่าแบะการปฏิบัติให้มีศักยภาพ โดยมีการแบ่งบันความคิดร่วมกับผู้อื่นและทำการทดสอบในรูปแบบการจำลอง (Prototype)<br />3. การศึกษาความเหมาะสม<br />ทำการศึกษาอย่างเป็นทางการเพื่อกำหนด หรือระบุถึงความเหมาะสมและความเป็นไปได้ที่จะนำนวัตกรรมนั้นไปใช้จริง โดยพิจารณาถึงเรื่องของต้นทุนและผลประโยชน์ หรือ ทำการศึกษาความเป็นไปได้ ก(Feasibility) ของโครงการนวัตกรรมนั้นเอง นำไปปฏิบัติ นวัตกรรมที่นำเสนอจะถูกนำไปผลิตและจำหน่ายออกสู่ตลาด (กรณีเป็นสินค้าใหม่) หรือจัดทำกระบวนการใหม่ (กรณีเป็นการปรับปรุงหรือพัฒนาระบบ) กระบวนการที่สมบูรณ์ของนวัตกรรมจะเกิดขึ้นเมื่อจบสิ้นขั้นตอนสุดท้ายเท่านั้น<br />4. การนำไปปฏิบัติ<br />หมายถึงการนำคอนเซ็ปต์นวัตกรรมไปปฏิบัติใช้จริง เพื่อให้การดำเนินการมุ่งไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งอาจรวมถึงการนำไปปฏิบัติกับผู้ส่งมอบและคู่ค้าด้วย</div></div>กลุ่มที่ 4http://www.blogger.com/profile/03321987565417494323noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4579492836188313235.post-31573802883323759392008-09-09T02:16:00.000-07:002008-09-09T02:28:52.915-07:00นวัตกรรม (innovation)การจัดสำนักงานในอนาคต หรือการจัดสำนักงานอัตโนมัติ (Office Automation) หรือเรียกย่อๆ ว่า OAเป็นการให้ความสำคัญของคอมพิวเตอร์ หรือเทคโนโลยีชั้นสูง เพื่อที่จะให้สอดคล้องกับความเป็นไปของโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปทุกวันนี้ สำนักงานควรที่จะเห็นความสำคัญของระบบเทคโนโลยีให้มากขึ้น <a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhj9_j6pk9SBivRYtYhu4c9WdCrNyZuuPVs_KOasSmlkPGNvOlthv05fETicJnmIoWOlHFnxZYJpuVVEyELejnJgihxw1BKJPbYj5p5EGfipuPar2M4vnEJwNiOICaCYQQGiOhPbakmlmc/s1600-h/200712-10-002124-1.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5243949392408138770" style="FLOAT: right; MARGIN: 0px 0px 10px 10px; CURSOR: hand" height="189" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhj9_j6pk9SBivRYtYhu4c9WdCrNyZuuPVs_KOasSmlkPGNvOlthv05fETicJnmIoWOlHFnxZYJpuVVEyELejnJgihxw1BKJPbYj5p5EGfipuPar2M4vnEJwNiOICaCYQQGiOhPbakmlmc/s320/200712-10-002124-1.jpg" width="206" border="0" /></a>โดยควรที่จะนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาใช้บริหารงานในสำนักงาน เพื่อที่จะเสริมสร้างประสิทธิภาพในการทำงานของคนในสำนักงานให้สูงขึ้นอยู่ตลอดเวลาแต่อย่างไรก็ตาม ขณะนี้การจัดสำนักงานอัตโนมัติดังที่กล่าวมาข้างต้น ยังอยู่ในรูปแบบที่ไม่สมบูรณ์ เพราะธุรกิจต่างๆพัฒนาไปสู่ระบบอัตโนมัติได้ไม่เท่ากัน มีการวิเคราะห์กันว่าแนวโน้มความเป็นไปได้ของ OA (Office Automation) ในเมืองไทยนั้นคงใช้เวลาอีกไม่กี่ปี เพราะการพัฒนาระบบการบริหารสมัยใหม่มีการแข่งขันกันอย่างรุนแรง ผู้บริหารจะถูกกดดันจากการทำงานสูงขึ้น ต้องทำงานแข่งกันทั้งเวลา สภาพเศรษฐกิจ สภาพการตลาดเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา จำเป็นต้องใช้การตัดสินใจอย่างฉับพลัน หากอาศัยเพียงประสบการณ์เพียงอย่างเดียว ย่อมถือว่าเป็นการเสี่ยงเกินไปโดยไม่จำเป็น หากสามารถใช้สำนักงานอัตโนมัติมาช่วยลดอัตราการเสี่ยงลง โดยเพิ่มความแม่นยำของข่าวสารข้อมูลมากขึ้น ย่อมทันต่อเหตุการณ์สำหรับการบริหารในปัจจุบัน และแนวโน้มต่อไปของ OA จะเข้ามาเป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินงานในองค์การต่อไปในอนาคต แนวโน้มที่ผู้บริหารสำนักงานควรให้ความสนใจ คือ แนวคิดในอนาคต ได้แก่ การสร้างนวัตกรรม ( Innovation) และการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี ตลอดจนการบริหารจัดการสำนักงานในอนาคตให้เหมาะสมมากที่สุด ซึงนับเป็นงานที่ยากลำบากและท้าทายของผู้บริหารเป็นอย่างยิ่ง<br /><br /><strong><span style="color:#009900;">นวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์</span></strong><br /><br />การบริการหรือกระบวนการเช่นกันแต่ ต้องเป็นสิ่งใหม่ที่เกิดขึ้นในองค์การซึ่งมีการแนะนำสู่ตลาดโดยการใช้ประโยชน์หรือการค้าก็ได้ เช่นผลิตภัณฑ์ใหม่ การบริการใหม่ หรือกระบวนการใหม่ แต่ไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งใหม่ในโลก เสมอไปบางทีเป็นเพียงการนำมาใช้ครั้งแรกในองค์การ(Aikenand Hage,1979อ้างโดยKhalil,2000) นวัตกรรมอาจเปลี่ยนแปลงงานทางด้านอุตสาหกรรมซึ่งทำให้มีการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตให้ดีขึ้น กระบวนการของนวัตกรรมเป็นการบูรณาการทั้งเทคโนโลยีและการประดิษฐ์เพื่อสร้างสิ่งใหม่ ปรับปรุงผลิตภัณฑ์ กระบวนการ หรือระบบดังนั้นการประดิษฐ์และนวัตกรรมจึงมีความสัมพันธ์กันแต่กระนั้นก็ยังมีความแตกต่างกัน เช่น การประดิษฐ์อาจเป็นเพียงลำดับเหตุการณ์หรือการสร้างชิ้นงานขณะที่นวัต<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjkYWEWCQQwRYSDdDxw8Knik5ijHhytAd6-JNeVLt5_VHn4sIuOlPKzaCPr9UjkqTrQ5kw7qHVU4qviBWnXoj73s6VlH5efC61rs8iWIC3bGMXEcVDr-6lL_wVYm7ki35-9iRB3h96LAwc/s1600-h/p4718411n1.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5243949013641383682" style="FLOAT: right; MARGIN: 0px 0px 10px 10px; CURSOR: hand" height="160" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjkYWEWCQQwRYSDdDxw8Knik5ijHhytAd6-JNeVLt5_VHn4sIuOlPKzaCPr9UjkqTrQ5kw7qHVU4qviBWnXoj73s6VlH5efC61rs8iWIC3bGMXEcVDr-6lL_wVYm7ki35-9iRB3h96LAwc/s320/p4718411n1.jpg" width="238" border="0" /></a>กรรมสามารถลำดับ 2 ออกมาเป็นกระบวนการ นวัตกรรมทางเทคโนโลยีรวมทั้งความคิดริเริ่มทางเทคนิคซึ่งจำเป็นต้องอาศัยความรู้แล้วแปลงสิ่งเหล่านี้ออกมาเป็นสิ่งที่ใช้ประโยชน์ได้เช่นฮาร์ดแวร์ หรือกระบวนการ มีการนำนวัตกรรมเผยแพร่เพื่อให้เกิดการยอมรับจนถึงจุดที่เป็นยอมรับสู่ตลาด การจัดการเทคโนโลยีมีส่วนส่งเสริมการประดิษฐ์และการจัดการเพื่อให้เกิดนวัตกรรม สิ่งที่คล้ายกันคือทั้งการประดิษฐ์และนวัตกรรมเกิดขึ้นจากกระบวนการที่เป็นความคิดสร้างสรรค์และการประยุกต์สภาพแวดล้อมที่เสริมสร้างให้เกิดนวัตกรรมได้แก่ การอนุญาตให้คนทำงานในสาขาที่สนใจ การกระตุ้นให้พนักงานมีปฏิสัมพันธ์อย่างกว้างขวางกับผู้ร่วมงาน การเปิดกว้างในเรื่องการยอมรับต่อความเสี่ยงในเรื่องความล้มเหลวในสร้างนวัตกรรมและความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้น การเสริมแรงจูงใจด้วยรางวัลและการยกย่อง<br />ภูมิปัญญา (Intellect) และนวัตกรรม (innovation) เป็นแหล่งของคุณค่าทางเศรษฐกิจ การเติบโตและกลยุทธ์ที่สำคัญในปัจจุบันและอนาคต ก่อนอื่นควรเข้าใจความหมายของศัพท์เฉพาะทั้งสองคำดังนี้<br /><strong><span style="color:#ff9900;">ภูมิปัญญา (Intellect)</span></strong> หมายถึง องค์ความรู้ ความสามารถและทักษะ อันเกิดจากการสั่งสมประสบการณ์ที่ผ่านกระบวนการเรียนรู้ เลือกสรร ปรุงแต่ง พัฒนา และถ่ายทอดสืบต่อกันมา เพื่อใช้แก้ปัญหาและพัฒนาวิถีชีวิตของคนให้สมดุลกับสภาพแวดล้อมและเหมาะสมกับยุคสมัย ภูมิปัญญานี้มีลักษณะเป็นองค์รวม มีคุณค่าทางวัฒนธรรมเกิดขึ้นในวิถีชีวิต ซึ่งภูมิปัญญาท้องถิ่นอาจเป็นที่มาขององค์ความรู้ที่งอกงามขึ้นใหม่ที่จะช่วยในการเรียนรู้ การแก้ปัญหา การจัดการและการปรับตัวในการดำเนินวิถีชีวิตของคน ลักษณะองค์รวมของภูมิปัญญามีความเด่นชัดในหลายด้าน เช่น ด้านเกษตรกรรม ด้านอุตสาหกรรม และหัตถกรรม ด้านการแพทย์แผนไทย ด้านการจัดการทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม ด้านกองทุนและธุรกิจชุมชน ด้านศิลปกรรม ด้านภาษาและวรรณกรรม ด้านปรัชญา ศาสนา และประเพณี และด้านโภชนาการ<br /><strong><span style="color:#339999;">นวัตกรรม (innovation) </span></strong>มาจากคำว่า “นว” หมายถึง ใหม่ “กรรม” หมายถึง การกระทำเมื่อนำสองคำนี้มารวมกัน เป็น นวัตกรรม หรือนวกรรม จึงหมายถึงการกระทำ ใหม่ ๆ ซึ่งในที่นี้มีนักการศึกษาหลายท่านได้ให้ความหมายของคำนี้ไว้ดังนี้<br />- ทอมัส ฮิวช์ (Thomasl Hughes, 1971 อ้างถึงใน ไชยยศ เรืองสุวรรณ. 2521 : 13) ได้ให้ความหมายของ คำว่า นวกรรมว่า “เป็นการนำวิธีการใหม่ ๆมาปฏิบัติ หลังจากได้ผ่านการทดลองหรือได้รับการพัฒนามาเป็นขั้น ๆ แล้วโดยเริ่มมาตั้งแต่การคิดค้น (Invention)<br />พัฒนาการ (Development) ซึ่งอาจจะเป็นไปในรูปของโครงการทดลองปฏิบัติก่อน (Pilot Project) แล้วจึงนำไปปฏิบัติจริง ซึ่งมีความแตกต่างไปจากการปฏิบัติเดิมที่เคยปฏิบัติมา และเรียกว่า นวกรรม (Innovation)”<br />- มอตัน (Morton, J.A. อ้างถึงใน ไชยยศ เรืองสุวรรณ. 2521 : 13) ได้ให้นิยามของนวกรรมไว้ในหนังสือ Organising for Innovation ของเขาว่านวกรรม หมายถึงการทำให้ใหม่ขึ้นอีกครั้ง (Renewal) ซึ่งหมายถึงการปรับปรุงของเก่าและการพัฒนาศักยภาพของบุคลากร ตลอดจนหน่วยงานหรือองค์การนั้น ๆ นวกรรมไม่ใช่การขจัดหรือล้มล้างสิ่งเก่าให้หมาดไป แต่เป็นการปรับปรุงเสริมแต่ง และพัฒนาเพื่อความอยู่รอดของระบบ<br />- วสันต์ อติศัพท์ (2523 : 15) กล่าวไว้ว่า นวกรรม เป็นคำสมาสระหว่าง “นว” และ “กรรม” ซึ่งมีความหมายว่า ความคิดและการกระทำใหม่ ๆ ที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ดีกว่า เช่น นวกรรมทางการแพทย์ หมายถึง ความคิดและการกระทำใหม่ ๆ เพื่อที่จะเปลี่ยนแปลง ปรับปรุง ตลอดจนแก้ปัญหาทางการแพทย์ที่มีอยู่ในปัจจุบัน<br />- กิดานันท์ มลิทอง (2540 : 245) ได้กล่าวไว้ว่า นวัตกรรมเป็นแนวความคิด การปฏิบัติ หรือสิ่งประดิษฐ์ใหม่ ๆ ที่ยังไม่เคยมีใช้มาก่อนหรือเป็นการพัฒนาดัดแปลงจากของเดิมที่มีอยู่แล้วให้ทันสมัยและใช้ได้ผลดียิ่งขึ้น เมื่อนำนวัตกรรมมาใช้จะช่วยให้การทำงานนั้นได้ผลดีมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงกว่าเดิม ทั้งยังช่วยประหยัดเวลาและแรงงานได้ด้วย<br />โดยสรุปแล้ว นวัตกรรมหมายถึง ความคิดและการกระทำใหม่ ๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อนหรือการพัฒนาดัดแปลงจากของเดิมให้ดีขึ้นและเมื่อนำมาใช้งานก็ทำให้งานมีประสิทธิภาพมากขึ้น<br /><br /><span style="color:#cc33cc;">นวัตกรรม คืออะไรและมีที่มาอย่างไร ซึ่งจะอธิบายได้ดังนี้</span><br />1. ธรรมชาติ คือ สิ่งต่างๆ รวมถึงปรากฏการณ์ที่อยู่รอบๆตัวเรา เช่น ก้อนดิน ผืนน้ำ ฝนตก ฟ้าร้อง ฟ้าผ่า<br />2. วิทยาศาสตร์ คือ ศาสตร์ที่อธิบายธรรมชาติ เช่น ทำไมฟ้าถึงผ่า ทำไมฝนถึงตก ทำไมลูกทุเรียนจึงตกดิน<br />3. เทคโนโลยี คือ การนำวิทยาศาสตร์ มาทำใช้ในทางปฎิบัติ เช่น เทคโนโลยีชีวภาพ นาโนเทคโนโลยี หรือ เทคโนโลยี RFID<br />4. นวัตกรรม คือ การหยิบจับเทคโนโลยีต่างๆ มาก่อให้เกิดคุณค่า และมูลค่า เช่น นำนาโนเทคโนโลยี ไปใส่ในเสื้อผ้า ทำให้แบคทีเรียไม่เกิดการเติบโต ทำให้ไม่เกิดกลิ่นเหม็นอับ หรือ การนำนาโนเทคโนโลยีไปใส่ในพลาสติก ทำให้พลาสติกเกิดรูพรุนขนาดเล็กสำหรับใช้กรองเชื้อโรค การนำนาโนเทคโนโลยีใส่ในกระจกทำให้ฝุ่นไม่เกาะกระจก จึงเป็นกระจกที่ไม่ต้องการทำความสะอาดกลุ่มที่ 4http://www.blogger.com/profile/03321987565417494323noreply@blogger.com0